การบำบัดรักษาโรคเป็นหน้าที่ของหมอ
Last updated: 23 มิ.ย. 2556 | 4079 จำนวนผู้เข้าชม |
| การบำบัดรักษาโรคเป็นหน้าที่ของหมอ ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตนไม่ว่าหนุ่มสาวคนใด หากได้อุทิศตนเพื่อประเทศชาติ โดยทำตนเป็นเสมือนหยดน้ำหยดหนึ่งในสายธารหรือเป็นเม็ดทรายเม็ดหนึ่งในแผ่นดินของมาตุภูม ถึงแม้จะประสบมรสุมอย่างร้ายแรงบนเส้นทางชีวิต ในที่สุดก็จะถึงจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง ทุกๆอาชีพหากวางเจตนาที่ดี คิดเป็นเรื่องบุญกุศลย่อมได้บุญกุศลทั้งสิ้น จุดประสงค์ในการรักษา 1.ให้หายจากโรค 2.ให้ทุเลาเบาบาง 3.ยืดชีวิต 4.ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพ 5.ช่วยลดความเจ็บปวดทรมาน สุขภาพของมนุษย์ในปัจจุบันอ่อนแอลงไปอย่างมากด้วยสาเหตุหลายประการ สาเหตุหลักก็คือสภาพแวดล้อมของโลกเสื่อมลง เกิดมลภาวะเป็นพิษมากมาย ในแหล่งอาหาร น้ำ และอากาศ มลพิษเหล่านี้เองที่ทำลายภาวะสมดุล ของร่างกายมนุษย์ให้มีภูมิต้านทานอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมา แม้มนุษย์จะพยายามเอาชนะโรคต่างๆเหล่านั้น ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด ไม่มีตัวยาหรืออาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง ที่จะเป็นยาอายุวัฒนะตัวเดียวโดดๆ และสามารถรักษาได้สารพัดอย่าง แม้แต่การกินอาหารของคนเราควรกินให้ครบหมวดหมู่ การมีอายุยืนไม่ได้อาศัยยา ควรมีอายุยืนนานที่ไม่ได้ใช้ยาเป็นสิ่งดีที่สุด ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆ อย่าง โครงสร้างของร่างกายมนุษย์ เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังชั้นสูง เป็นสิ่งมีชีวิตที่ร่างกายประกอบด้วยอวัยวะ(ORGAN SYSTEM) อันมีวิวัฒนาการมาอย่างเหมาะสม มีระบบอวัยวะต่างๆประกอบเป็นร่างกายที่สมบูรณ์แบบ สอดคล้องกับการดำรงชีวิตเป็นอย่างดี ระบบอวัยวะทั้งหลายจะทำงานร่วมกันเพื่อรักษาร่างกายให้คงสภาพชีวิตเป็นอย่างดี หากระบบอวัยะส่วนใดส่วนหนึ่งทำงานผิดปกติ ก็ย่อมทำให้ร่างกายเสียดุลซึ่งส่งผลทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บบั่นทอนชีวิต ระบบอวัยวะประกอบด้วย ระบบที่นำอาหารและอากาศไปหล่อเลี้ยงร่างกายเพื่อเป็นพลังงานในการดำรงชีิวิตได้แก่ ระบบย่อยอาหาร ระบบหายใจ และระบบหมุนเวียนเลือด ระบบที่จะป้องกันร่างกายจากเชื้อโรคได้แก่ ระบบน้ำเหลืองและภูมิคุ้มกัน ระบบที่จะรักษา สภาพร่างกายให้สมดุลอยู่เสมอ ได้แก่ ระบบขับถ่าย ระบลบต่อมไร้ท่อ ตลอดจนระบบประสาท การรักษาของแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ค่อยให้ความสำคัญของจิตใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ขณะร่างกายพันธนาการไว้ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เครื่องปั๊มหัวใจ ส่วนมากมีความคิด ต้องการยืดชีวิตให้มากที่สุด ทำอย่างไรจึงจะมีลมหายใจได้นานที่สุด ต้องการยืดชีวิตให้มากที่สุด จึงคิดแต่จะหาทางปั๊มหัวใจ ฉีดยา และกระตุ้นทุกวิถีทาง แต่ศาสนาพุทธจะยืดชีวิตให้ได้มากหรือน้อยไม่สำคัญเท่ากับการรักษาใจให้สงบและเกิดปัญญา จิตสุดท้ายก่อนตายต้องเป็นบุญกุศล คือ สงบ หรือกำหนดอยู่กับสิ่งที่ดีงาม ความสงบเป็นสิ่งสำคัญ เห็นสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง จะหลุดพ้นหรือไม่ ก็ว่าระสุดท้ายตรงนี้ คือ มีปัญญาเห็นสัจจาธรรม เข้าใจสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง เข้าใจว่าสิ่งทั้งปวงไม่น่ายึดติด ปล่อยวางทุกสิ่ง ความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งในร่างกายและจิตใจ ทั้งในรูปธรรมและนามธรรมที่เราเกี่ยวข้อง เช่น การพลัดพรากจากของหลังของชอบ รถหาย ไฟไหม้ นี่เป็นส่วนหนึ่งของความตาย การพลัดพราก หากจะดำรงชีวิตอย่างมีความสุขสงบ ก็ต้องรู้จักตายอย่างมีสติ |
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
กินอาหารตามธาตุ
24 เม.ย 2556
***มะเร็ง***
24 เม.ย 2556
ธรรมโอสถ
24 เม.ย 2556
ธรรมะเตือนสติของหลวงตา
24 เม.ย 2556
Powered by
MakeWebEasy.com